คำสั่งพื้นฐานการรับและแสดงผลข้อมูล
ความหมายของการแสดงผล
การแสดงผลหมายถึง การสั่งให้คอมพิวเตอร์นำข้อมูลและผลลัพธ์ที่มีอยู่ในหน่วยความจำ ไปแสดงผลออกที่อุปกรณ์แสดงผล (Output device) ของคอมพิวเตอร์ การแสดงผลที่อุปกรณ์แสดงผลอาจมีเพียงอุปกรณ์เดียว หรือหลาย ๆ อุปกรณ์พร้อมกันก็ได้ เช่น แสดงผลที่จอภาพ เครื่องพิมพ์ ลำโพง แผ่นดิสก์เป็นต้น
การแสดงผลข้อมูลด้วยฟังก์ชัน printf
ฟังก์ชันที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลออกทางจอภาพคือ printf() ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่อยู่ใน ไฟล์ stdio.h การเรียกใช้ฟังก์ชันนี้จะต้องทำการ preprocessor ด้วยการสั่ง #include <stdio.h> ก่อนเสมอ ฟังก์ชัน printf มีหน้าที่หลักคือ แปลงข้อมูลในลักษณะของเลขฐานสอง (binary) ที่คอมพิวเตอร์ ประมวลผลได้ ให้อยู่ในรูปแบบ ที่มนุษย์เข้าใจ ก่อนแสดงผลข้อมูลออกทางจอภาพ
รูปแบบของฟังก์ชัน printf คือ
printf("string_format",data_list);
เมื่อ
string_format คือ ส่วนที่ใช้ควบคุมลักษณะการแสดงผล นิยมเขียนอยู่ในเครื่องหมาย " " สิ่งที่อยู่ในเครื่องหมาย " " อาจเป็น สตริง หรือข้อความที่ต้องการแสดงผล ซึ่งอาจเป็นข้อความธรรมดา เช่น Hello, world หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นตัวแทนชนิดของข้อมูลต่าง ๆ ที่เรียกว่า format code โดยฟังก์ชันจะแสดงค่าที่อยู่ในตัวแปรที่กำหนดโดย data_list
data_list คือข้อมูลที่จะแสดงผล ซึ่งอาจเป็นค่าคงที่ ตัวแปร หรือนิพจน์ใด ๆ โดยถ้ามีมากกว่าหนึ่งตัวให้คั่นด้วยเครื่องหมาย , (comma)
การแสดงผลหมายถึง การสั่งให้คอมพิวเตอร์นำข้อมูลและผลลัพธ์ที่มีอยู่ในหน่วยความจำ ไปแสดงผลออกที่อุปกรณ์แสดงผล (Output device) ของคอมพิวเตอร์ การแสดงผลที่อุปกรณ์แสดงผลอาจมีเพียงอุปกรณ์เดียว หรือหลาย ๆ อุปกรณ์พร้อมกันก็ได้ เช่น แสดงผลที่จอภาพ เครื่องพิมพ์ ลำโพง แผ่นดิสก์เป็นต้น
การแสดงผลข้อมูลด้วยฟังก์ชัน printf
ฟังก์ชันที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลออกทางจอภาพคือ printf() ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่อยู่ใน ไฟล์ stdio.h การเรียกใช้ฟังก์ชันนี้จะต้องทำการ preprocessor ด้วยการสั่ง #include <stdio.h> ก่อนเสมอ ฟังก์ชัน printf มีหน้าที่หลักคือ แปลงข้อมูลในลักษณะของเลขฐานสอง (binary) ที่คอมพิวเตอร์ ประมวลผลได้ ให้อยู่ในรูปแบบ ที่มนุษย์เข้าใจ ก่อนแสดงผลข้อมูลออกทางจอภาพ
รูปแบบของฟังก์ชัน printf คือ
printf("string_format",data_list);
เมื่อ
string_format คือ ส่วนที่ใช้ควบคุมลักษณะการแสดงผล นิยมเขียนอยู่ในเครื่องหมาย " " สิ่งที่อยู่ในเครื่องหมาย " " อาจเป็น สตริง หรือข้อความที่ต้องการแสดงผล ซึ่งอาจเป็นข้อความธรรมดา เช่น Hello, world หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นตัวแทนชนิดของข้อมูลต่าง ๆ ที่เรียกว่า format code โดยฟังก์ชันจะแสดงค่าที่อยู่ในตัวแปรที่กำหนดโดย data_list
data_list คือข้อมูลที่จะแสดงผล ซึ่งอาจเป็นค่าคงที่ ตัวแปร หรือนิพจน์ใด ๆ โดยถ้ามีมากกว่าหนึ่งตัวให้คั่นด้วยเครื่องหมาย , (comma)
ตัวอย่างที่ 1
แสดงการบวกเลขจำนวนเต็มสองจำนวนแล้วแสดงผล
แสดงการบวกเลขจำนวนเต็มสองจำนวนแล้วแสดงผล
#include <conio.h> /
int main() { int x=10; int y=4; printf("%d + %d = %d\n",x,y,x+y); getch(); return 0; } |
//นำ header file ชื่อ stdio.h เข้ามาใช้งาน2
// นำ header file ชื่อ conio.h เข้ามาใช้งาน3 // ฟังก์ชัน main4 // เริ่มต้นบล๊อกของฟังก์ชัน main5 // กำหนด 10 ให้กับตัวแปร x ซึ่งเป็นชนิดจำนวนเต็ม6 // กำหนด 4 ให้กับตัวแปร y ซึ่งเป็นชนิดจำนวนเต็ม7 // แสดงตัวเลข ณ ตำแหน่ง %d ทั้งสามตัวตามลำดับ8 // รอกดแป้น พิมพ์ใดๆ เพื่อดูผลบนจอภาพ9 // คืนค่า 0 ให้ฟังก์ชัน main10 // จบบล๊อกของฟังก์ชัน main |
จากรูปที่ 1 ถ้าตัวแปร x เก็บค่า 10 และตัวแปร y เก็บค่า 4 เมื่อฟังก์ชันทำงาน จะให้ค่าในตัวแปร x ไปแสดงในของ control คือ %d ( %d เป็น control เพื่อแสดงผลจำนวนเต็ม หรือ decimal) ตัวแรก และนำค่าในตัวแปร b ไปแสดงใน control คือ %d ตัวที่สอง และนำค่าของนิพจน์ x+y คือ 14 ไปแสดงใน control คือ %d ตัวที่สาม ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ดันี้ 10 + 4 = 14
การควบคุมพื้นที่การแสดงผล
ตากปกติในการแสดงผลข้อมูลคอมไพเลอร์จะเตรียมขนาดความยาวของข้อมูลให้พอดีกับข้อมูลที่ต้องการแสดงเช่นต้องการแสดงข้อความ COMPUTER ซึ่งมีขนาดความยาว 8 ตัวอักษร คอมไพเลอร์ก็จะแสดงผลข้อความให้พอดีกับข้อความที่แสดงคือ 8 ตัวอักษรพอดี ดังนี้
ตากปกติในการแสดงผลข้อมูลคอมไพเลอร์จะเตรียมขนาดความยาวของข้อมูลให้พอดีกับข้อมูลที่ต้องการแสดงเช่นต้องการแสดงข้อความ COMPUTER ซึ่งมีขนาดความยาว 8 ตัวอักษร คอมไพเลอร์ก็จะแสดงผลข้อความให้พอดีกับข้อความที่แสดงคือ 8 ตัวอักษรพอดี ดังนี้
เพื่อให้การแสดงผลเป็นไปตามที่ผู้เขียนโปรแกรมต้องการ ในภาษาซี สามารถกำหนดขนาดความยาวของการแสดงผลได้ตามต้องการ เช่น ต้องการแสดง ข้อความ COMPUTER ด้วยขนาดความยาว 12 ตัวอักษร โปรแกรมจะแสดงข้อความชิดด้านขวาของความยาวของพื้นที่ที่จองไว้แสดงผล โดยจะเว้นพื้นที่ว่างด้านซ้ายไว้อีก 4 ตัวอักษรดังรูป
วิธีการกำหนดความยาวของการแสดงผลทำได้โดยการใส่ตัวเลขลงไปหลังเครื่องหมาย % ใน format_string ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กับข้อมูลทั้งชนิด char string int หรือ float ดังตารางดังนี้
แสดงการควบคุมพื้นที่การแสดงผลแบบชิดขวา
ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลจากการแสดงชิดทางด้านขวามือไปเป็นให้ชิดทางด้านซ้ายแทน สามารถทำได้โดยการใส่เครื่องหมาย - (ลบ) ไว้หน้าตัวเลขที่ระบุขนาดความยาวของการแสดงผล ดังนี้
แสดงการควบคุมพื้นที่การแสดงผลแบบชิดซ้าย
การควบคุมตำแหน่งตัวเลขหลังจุดทศนิยม
การแสดงผลตัวเลขที่เป็นจำนวนจริง หรือเลขที่มีทศนิยม ถ้าไม่มีการกำหนดค่าใด ๆ เมื่อใช้รหัสควบคุมรูปแบบ %f (format_string) คอมไพเลอร์ก็จะแสดงด้วยทศนิยม 6 ตำแหน่งดังตัวอย่างต่อไปนี้
การแสดงผลตัวเลขที่เป็นจำนวนจริง หรือเลขที่มีทศนิยม ถ้าไม่มีการกำหนดค่าใด ๆ เมื่อใช้รหัสควบคุมรูปแบบ %f (format_string) คอมไพเลอร์ก็จะแสดงด้วยทศนิยม 6 ตำแหน่งดังตัวอย่างต่อไปนี้
แสดงการแสดงผลข้อมูลแบบเลขทศนิยมโดยไม่กำหนดขนาดการแสดงผล
แสดงการแสดงผลข้อมูลแบบเลขทศนิยมโดยกำหนดขนาดการแสดงผลและทศนิยม
การแสดงผลข้อมูลชนิด string ด้วยฟังก์ชัน puts
ฟังก์ชัน puts เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการแสดงผลข้อความที่เป็น string ซึ่งฟังก์ชันนี้ อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h ดังนั้นการเรียกใช้ฟังก์ชันนี้ผู้ใช้จำเป็นต้องทำ preprocessor ด้วยการประกาศ #include <stdio.h> ก่อน เมื่อใช้ฟังก์ชัน puts นี้แล้วการแสดงผลของโปรแกรมจะขึ้นบรรทัดใหม่ให้โดยอัตโนมัติ สำหรับฟังก์ชันนี้มีรูปแบบการใช้ดังนี้
puts("string_data");
โดยที่ "string_data" คือข้อความชนิด string ที่ต้องเขียนอยู่ในเครื่องหมาย " " หรืออาจจะเป็นตัวแปรชนิด string ดังนั้นเมื่อใช้ฟังก์ชัน puts กับตัวแปร ก็ไม่ต้องเขียนอยู่ในเครื่องหมาย " "
ฟังก์ชัน puts เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการแสดงผลข้อความที่เป็น string ซึ่งฟังก์ชันนี้ อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h ดังนั้นการเรียกใช้ฟังก์ชันนี้ผู้ใช้จำเป็นต้องทำ preprocessor ด้วยการประกาศ #include <stdio.h> ก่อน เมื่อใช้ฟังก์ชัน puts นี้แล้วการแสดงผลของโปรแกรมจะขึ้นบรรทัดใหม่ให้โดยอัตโนมัติ สำหรับฟังก์ชันนี้มีรูปแบบการใช้ดังนี้
puts("string_data");
โดยที่ "string_data" คือข้อความชนิด string ที่ต้องเขียนอยู่ในเครื่องหมาย " " หรืออาจจะเป็นตัวแปรชนิด string ดังนั้นเมื่อใช้ฟังก์ชัน puts กับตัวแปร ก็ไม่ต้องเขียนอยู่ในเครื่องหมาย " "
การแสดงผลข้อมูลชนิด char ด้วยฟังก์ชัน putchar
ฟังก์ชัน putchar เป็นฟังก์ชันที่อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h ใช้เพื่อแสดงผลข้อมูลชนิดอักขระ (char) ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปร หรือค่าคงที่ ที่เขียนอยู่ในเครื่องหมาย ' ' ฟังก์ชันนี้เมื่อทำงานเสร็จสิ้นแล้วจะไม่ขึ้นบรรทัดใหม่ให้ สำหรับรูปแบบการใช้ฟังก์ชัน putchar มีดังนี้
putchar(ch);
โดยที่ ch คือข้อมูลชนิดอักขระ อาจจะเป็นข้อมูลที่เป็นค่าคงที่ชนิด char ซึ่งต้องเขียนภายในเครื่องหมาย ' ' หรืออาจจะเป็นตัวแปรชนิด char ก็ได้
ฟังก์ชัน putchar เป็นฟังก์ชันที่อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h ใช้เพื่อแสดงผลข้อมูลชนิดอักขระ (char) ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปร หรือค่าคงที่ ที่เขียนอยู่ในเครื่องหมาย ' ' ฟังก์ชันนี้เมื่อทำงานเสร็จสิ้นแล้วจะไม่ขึ้นบรรทัดใหม่ให้ สำหรับรูปแบบการใช้ฟังก์ชัน putchar มีดังนี้
putchar(ch);
โดยที่ ch คือข้อมูลชนิดอักขระ อาจจะเป็นข้อมูลที่เป็นค่าคงที่ชนิด char ซึ่งต้องเขียนภายในเครื่องหมาย ' ' หรืออาจจะเป็นตัวแปรชนิด char ก็ได้
การรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์
การทำงานของโปรแกรมส่วนใหญ่มักจะเป็นการเชื่อมโยงกับผู้ใช้แบบ 2 ทิศทาง นั่นก็คือ ทั้งภาคของการแสดงผลการทำงานออกทางจอภาพ และภาคการรับข้อมูลจากผู้ใช้เข้ามาทางแป้นพิมพ์ เพื่อร่วมในการประเมินผลของโปรแกรม ซึ่งในภาครับข้อมูลจากผู้ใช้ ในภาษาซีกำหนดฟังก์ชันมาตรฐาน เอาไว้ให้เรียกใช้ แล้วเช่นเดียวกับ ภาคของการแสดงผล ซึ่งอธิบายรายละเอียดของฟังก์ชัน เหล่านั้นได้ดังนี้คือ
การรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ด้วยฟังก์ชัน scanf
ฟังก์ชันนี้อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h เป็นฟังก์ชันสำหรับรับข้อมูลมาจากแป้นพิมพ์ ที่สามารถรับข้อมูลได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นชนิด char , short , int , long , float , double , string โดยมีรูปแบบการเรียกใช้ดังนี้
scanf("string_format",&variable);
โดยที่
string_format คือ ส่วนที่ใช้รหัสควบคุมรูปแบบ เพื่อกำหนดชนิดของข้อมูลที่จะรับเข้ามา จากแป้นพิมพ์ โดยรหัสควบคุมรูปแบบจะใช้รหัสเดียวกันกับ รหัสรูปแบบของฟังก์ชัน printf ()
variable คือชื่อตัวแปรที่ใช้เก็บค่าของข้อมูลที่รับเข้ามาจากแป้นพิมพ์ โดยชนิดของตัวแปรจะต้องตรงกับรหัสควบคุมที่กำหนดไว้ นอกจากนี้จะต้องใช้ เครื่องหมาย & นำหน้าชื่อตัวแปรด้วย ยกเว้นตัวแปรที่เป็นชนิด string อาจละเว้นการใช้เครื่องหมาย & ได้
การทำงานของโปรแกรมส่วนใหญ่มักจะเป็นการเชื่อมโยงกับผู้ใช้แบบ 2 ทิศทาง นั่นก็คือ ทั้งภาคของการแสดงผลการทำงานออกทางจอภาพ และภาคการรับข้อมูลจากผู้ใช้เข้ามาทางแป้นพิมพ์ เพื่อร่วมในการประเมินผลของโปรแกรม ซึ่งในภาครับข้อมูลจากผู้ใช้ ในภาษาซีกำหนดฟังก์ชันมาตรฐาน เอาไว้ให้เรียกใช้ แล้วเช่นเดียวกับ ภาคของการแสดงผล ซึ่งอธิบายรายละเอียดของฟังก์ชัน เหล่านั้นได้ดังนี้คือ
การรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ด้วยฟังก์ชัน scanf
ฟังก์ชันนี้อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h เป็นฟังก์ชันสำหรับรับข้อมูลมาจากแป้นพิมพ์ ที่สามารถรับข้อมูลได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นชนิด char , short , int , long , float , double , string โดยมีรูปแบบการเรียกใช้ดังนี้
scanf("string_format",&variable);
โดยที่
string_format คือ ส่วนที่ใช้รหัสควบคุมรูปแบบ เพื่อกำหนดชนิดของข้อมูลที่จะรับเข้ามา จากแป้นพิมพ์ โดยรหัสควบคุมรูปแบบจะใช้รหัสเดียวกันกับ รหัสรูปแบบของฟังก์ชัน printf ()
variable คือชื่อตัวแปรที่ใช้เก็บค่าของข้อมูลที่รับเข้ามาจากแป้นพิมพ์ โดยชนิดของตัวแปรจะต้องตรงกับรหัสควบคุมที่กำหนดไว้ นอกจากนี้จะต้องใช้ เครื่องหมาย & นำหน้าชื่อตัวแปรด้วย ยกเว้นตัวแปรที่เป็นชนิด string อาจละเว้นการใช้เครื่องหมาย & ได้
ตัวอย่างที่ 2การใช้ฟังก์ชัน scanf เพื่อรับข้อมูลมาจากแป้นพิมพ์ที่เป็นตัวเลขสองจำนวนแล้วมาคูณกัน
#include <conio.h>
int main() { int a,b,c; printf("Input 1st number : "); scanf("%d",&a); printf("Input 2nd number : "); scanf("%d",&b); c=a*b; printf("\n\n\n"); printf("%d x %d = %d",a,b,c); getch(); return 0; } |
// ประกาศตัวแปร a,b,c เป็นชนิด integer // แสดงข้อความ Input 1st number : บนจอภาพ // รอรับตัวเลขตัวที่หนึ่งจากแป้นพิมพ์ ไปเก็บไว้ที่ตัวแปร a // แสดงข้อความ Input 2nd number : บนจอภาพ // รอรับตัวเลขตัวที่สองจากแป้นพิมพ์ ไปเก็บไว้ที่ตัวแปร b // นำค่าของ a คูณกับค่าของ b ผลลัพธ์นำไปเก็บที่ตัวแปร c // ขึ้นบรรทัดใหม่จำนวน 3 บรรทัด // แสดงค่าของ a b c ณ ตำแหน่งของ %d ทั้งสามตัวตามลำดับ // ฟังก์ชัน getch() ใช้หยุดดูผลจนกว่ากดแป้น พิมพ์ใดๆ // คืนค่า 0 ให้ฟังก์ชัน main เพื่อบอกว่า โปรแกรมทำงานสมบูรณ์ |
ผลที่ได้จากการ Run
การรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ด้วยฟังก์ชัน gets
gets มาจากคำว่า get string อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h เป็นฟังก์ชันสำหรับรับข้อมูลชนิด string เข้ามาจากแป้นพิมพ์ แล้วนำไปเก็บไว้ที่ตัวแปร การอ่านข้อมูลด้วยฟังก์ชัน gets นี้ ถ้าข้อมูลหรือข้อความที่ป้อนเข้ามามีช่องว่าง ฟังก์ชัน gets ก็สามารถรับข้อมูลทั้งหมดเข้ามาได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ฟังก์ชัน gets จะหยุดรับข้อมูลเมื่อมีการกดแป้น Enter เท่านั้น ฟังก์ชัน gets จะใส่ \0 ไว้ท้ายข้อความโดยอัตโนมัติด้วย
รูปแบบคำสั่ง
gets(string_variable);
โดยที่ string_variable หมายถึงตัวแปรชนิดข้อความ หรือ string ที่ใช้เก็บค่าที่ป้อนข้อมูลมาจากแป้นพิมพ์ เช่น gets(school_name);
gets มาจากคำว่า get string อยู่ใน header ไฟล์ชื่อ stdio.h เป็นฟังก์ชันสำหรับรับข้อมูลชนิด string เข้ามาจากแป้นพิมพ์ แล้วนำไปเก็บไว้ที่ตัวแปร การอ่านข้อมูลด้วยฟังก์ชัน gets นี้ ถ้าข้อมูลหรือข้อความที่ป้อนเข้ามามีช่องว่าง ฟังก์ชัน gets ก็สามารถรับข้อมูลทั้งหมดเข้ามาได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ฟังก์ชัน gets จะหยุดรับข้อมูลเมื่อมีการกดแป้น Enter เท่านั้น ฟังก์ชัน gets จะใส่ \0 ไว้ท้ายข้อความโดยอัตโนมัติด้วย
รูปแบบคำสั่ง
gets(string_variable);
โดยที่ string_variable หมายถึงตัวแปรชนิดข้อความ หรือ string ที่ใช้เก็บค่าที่ป้อนข้อมูลมาจากแป้นพิมพ์ เช่น gets(school_name);
การรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ด้วยฟังก์ชัน getchar
ฟังก์ชัน getchar เป็นฟังก์ชันที่อยู่ใน header ไฟล์ conio.h ที่ใช้รับข้อมูลชนิด char เข้ามาจากแป้นพิมพ์ ข้อมูลที่ป้อนเข้ามาด้วยฟังก์ชัน getchar นี้ จะต้องต้องกดแป้น Enter โปรแกรมจึงจะทำงานต่อไป และข้อมูลที่ป้อนเข้าไปจะปรากฏให้เห็นบนจอภาพด้วย
รูปแบบคำสั่ง
variable=getchar();
โดยที่ variable คือชื่อของตัวแปรที่ต้องเป็นชนิด char เพื่อรับข้อมูลที่ป้อนเข้ามาทางแป้นพิมพ์
ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน getche
ch=getche();
หมายถึง รอรับตัวอักขระที่ป้อนเข้ามาเพียง 1 ตัวนำไปเก็บที่ตัวแปร chโดยตัวอักษรที่ป้อนเข้ามา จะปรากฏบนจอภาพ และไม่ต้องกดแป้น Enter
ฟังก์ชัน getchar เป็นฟังก์ชันที่อยู่ใน header ไฟล์ conio.h ที่ใช้รับข้อมูลชนิด char เข้ามาจากแป้นพิมพ์ ข้อมูลที่ป้อนเข้ามาด้วยฟังก์ชัน getchar นี้ จะต้องต้องกดแป้น Enter โปรแกรมจึงจะทำงานต่อไป และข้อมูลที่ป้อนเข้าไปจะปรากฏให้เห็นบนจอภาพด้วย
รูปแบบคำสั่ง
variable=getchar();
โดยที่ variable คือชื่อของตัวแปรที่ต้องเป็นชนิด char เพื่อรับข้อมูลที่ป้อนเข้ามาทางแป้นพิมพ์
ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน getche
ch=getche();
หมายถึง รอรับตัวอักขระที่ป้อนเข้ามาเพียง 1 ตัวนำไปเก็บที่ตัวแปร chโดยตัวอักษรที่ป้อนเข้ามา จะปรากฏบนจอภาพ และไม่ต้องกดแป้น Enter
ตัวอย่างที่๋ 3การรับข้อมูลชนิด char ด้วยฟังก์ชัน getche()
#include <conio.h>
int main() { char ch; printf("Enter your favorite letter : "); ch=getche(); printf("\n\n\n"); printf("you press %c ",ch); getch(); return 0; } |
// ประกาศตัวแปร ch เป็นชนิด char // แสดงข้อความ Enter your favorite letter : บนจอภาพ // รอรับการป้อนตัวอักษร 1 ตัวจากแป้นพิมพ์นำไปเก็บไว้ที่ตัวแปร ch // ขึ้นบรรทัดใหม่จำนวน 3 บรรทัด // แสดงตัวอักขระที่ป้อนเข้ามา ณ ตำแหน่ง %c // ฟังก์ชัน getch() ใช้หยุดดูผลจนกว่ากดแป้นพิมพ์ใดๆ // คืนค่า 0 ให้ฟังก์ชัน main เพื่อบอกว่า โปรแกรมทำงานสมบูรณ์ |
ผลที่ได้จากการ Run